สวัสดีค่ะ
เชื่อว่าเป้าหมายของใครหลายๆคนนั้นคือการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และหนึ่งในประเทศที่เป็นตัวเลือกนั้น ต้องมีประเทศญี่ปุ่นอยู่ในลิสต์อยู่แน่นอน
วันนี้แอดมินจะมาแนะนำขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นมาให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ

1.ศึกษาข้อมูลของมหาวิทยาลัย/โรงเรียนที่เราจะไปเรียน

2.ช่วงเวลาในการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยญี่ปุ่น
โดยทั่วไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นจะคล้ายกับไทย คือมี 2 เทอมใน 1 ปีการศึกษามีปิดเทอมใหญ่กับปิดเทอมเล็กเหมือนบ้านเรา แต่ของญี่ปุ่นจะแตกต่างตรงที่ ปิดเทอมใหญ่ของญี่ปุ่นจะเป็นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์-ปลายเดือนมีนาคม (ปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ) และปิดเทอมเล็กจะเป็นช่วงต้นเดือนสิงหาคม-ปลายเดือนกันยายน (ปิดเทอมฤดูร้อน)
ขั้นตอน | เปิดเทอม เม.ย. | เปิดเทอม ต.ค. | สิ่งที่ต้องทำ |
เก็บข้อมูล | วางแผนให้ชัดเจน | ||
ขอเอกสารข้อมูลจากรร. ภาษาญี่ปุ่น |
เม.ย.- มิ.ย. | ต.ค.- ธ.ค. |
ขอใบสมัครและเอกสารจาก
รร.หลายๆ แห่ง
|
เลือกโรงเรียน | ภายใน ก.ย. | ภายใน ก.พ. | พิจารณาเอกสารและเลือก |
ยื่นใบสมัคร | ก.ย.- พ.ย. | ก.พ.- เม.ย. | ส่งใบสมัครและเอกสารต่างๆ |
รอผลตอบรับ | ม.ค.- มี.ค. | ก.ค.- ก.ย. | ได้รับการตอบรับเข้าศึกษา |
ดำเนินขั้นตอนเข้าญี่ปุ่น | ได้รับรองสถานภาพการพำนัก และนำไปขอยื่นวีซ่า |
||
เตรียมตัวไปศึกษา | จ่ายค่าเล่าเรียนและค่าที่พัก | ||
เตรียมตัวเดินทาง | ซื้อตั๋วเครื่องบินและประกัน | ||
เข้าศึกษาในรร.สอนภาษา | เม.ย. | ต.ค. |

3.เตรียมเอกสารในการสมัครเรียน
แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีการดำเนินการสมัครเรียนต่อแยกกัน เอกสารหลักๆที่ใช้สมัครเข้าเรียนต่อมีดังต่อไปนี้
1. ใบสมัครของมหาวิทยาลัย
2. เอกสารประวัติส่วนตัว
3. ใบรับรองการสำเร็จการศึกษา (สำหรับนักเรียนมัธยมปลายใช้ ผลการเรียนที่คาดว่าจะสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมปลายหรือหลักสูตร 12 ปี)
4. ใบแสดงผลการเรียน (Transcript)
5. จดหมายรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผู้อำนวยการโรงเรียน
6. ใบรับรองแพทย์
7. ใบรับรองคนต่างด้าว (กรณีอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น)
8. รูปถ่าย (แนะนำให้เตรียมไว้เยอะๆและหลายขนาด)
9. เอกสารความสัมพันธ์กับผู้ค้ำประกัน
10. ผลคะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น สำหรับเรียนต่อในหลักสูตรภาษาญี่ปุ่น (JLPT ระดับ N2 ขึ้นไป และคะแนน EJU) หรือผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL (80 คะแนนขึ้นไป) หรือ IELTS (6.0 ขึ้นไป)

4.การสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น
จะมีการพิจารณาคัดเลือกที่สำคัญ โดยดูจาก
1. การพิจารณาจากเอกสาร
2. การทดสอบความรู้ทางวิชาการ (ของมหาวิทยาลัย)
3. การสอบสัมภาษณ์
4. การเขียนเรียงความ
5. การทดสอบความถนัดและความสามารถ (อื่นๆ)
6. ผลสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น JLPT (Japanese-Language Proficiency Test) ระดับ N2 ขึ้นไป
7. การสอบเพื่อศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น (Examination for Japanese University Admission for International Student: EJU)
8. สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษ หรือหลักสูตรนานาชาติ ต้องมีผลคะแนนสอบ TOEFL ประมาณ 80 คะแนนขึ้นไป หรือ IELTS 6.0-6.5 ขึ้นไป (หรืออาจต้องสอบ GRE เพิ่มเติม ตามแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นๆเรียก แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลเรียกคะแนน GRE เพิ่มเติม)

5.ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่น
ค่าครองชีพ สามารถดูได้จากกราฟด้านล่าง เป็นกราฟที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงาน JASSO แสดงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยแยกว่าแต่ละเดือนต้องใช้อะไรบ้าง แบ่งตามแต่ละพื้นที่ในญี่ปุ่น

5.การทำงานพิเศษหารายได้
แม้จะเรียนอยู่ต่างประเทศ นักเรียนต่างชาติก็สามารถทำงานพิเศษได้ แต่ตามกฎหมายมีกำหนดไว้ว่าห้ามทำงานเกิน 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และต้องได้รับใบอนุญาตการทำงานพิเศษจากรัฐบาลญี่ปุ่นก่อน โดยใบอนุญาตสามารถไปทำได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่
สำหรับค่าตอบแทน จะแล้วแต่พื้นที่ที่ไปอยู่ โดยส่วนมากเฉลี่ยอยู่ที่ชั่วโมงละ 800-1,200 เยน โดยการทำงานพิเศษของนักเรียนต่างชาติที่ญี่ปุ่น จะมีเงื่อนไขดังนี้
บทความข้างบนนี้เป็นข้อมูลคร่าวๆที่แอดมินได้รวบรวมมาค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลในการศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นนะคะ
ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่นได้ที่
IG: ilovejapanth
ตั้งคำถามเกี่ยวกับญี่ปุ่น: www.ilovejapan.co.th/board
ดูคลิปสอนภาษา: http://youtube.com/ilovejapanth